สาเหตุและวิธีป้องกันผีอำ
อาการที่นอนแล้วตื่นไม่ได้ หรือที่บางคนบอกว่าผีอำเนี่ย เราเป็นมาตั้งแต่ 7 ขวบ แล้ว เป็นมาตลอดเลย
แย่มากๆ -*- (ไม่ได้เป็นทุกวันนะคะ นานๆทีเป็นอะ)
แย่มากๆ -*- (ไม่ได้เป็นทุกวันนะคะ นานๆทีเป็นอะ)
แล้วทีนี้ตอนแรกก็เข้าใจว่าเป็นผีอำเหมือนกัน สวดมนต์ ภาวนาใหญ่เลย แต่ก็….นะ ไม่เห็นจะช่วยอะไรเท่าไหร่
คือมีอยู่ครั้งนึงไม่สวดก็ดิ้นหลุดได้เหมือนกัน จนเรางงว่าเป็นไรเนี่ย กลัวมากจนร้องไห้เลย และบอกกะตัวเองว่า ถ้า
มาอีกนะ ฮึ่มมม จะปล่อยให้ตัวเองตายไปเลย เบื่อแล้วนะเนี่ย
คือมีอยู่ครั้งนึงไม่สวดก็ดิ้นหลุดได้เหมือนกัน จนเรางงว่าเป็นไรเนี่ย กลัวมากจนร้องไห้เลย และบอกกะตัวเองว่า ถ้า
มาอีกนะ ฮึ่มมม จะปล่อยให้ตัวเองตายไปเลย เบื่อแล้วนะเนี่ย
คือเราไม่ได้ไปหาหมอน่ะค่ะ ก็ถามคนรอบๆข้าง เค้าก็บอกกล้ามเนื้ออ่อนแรงกัน บอกว่าผีอำกัน ไรงี้ แต่ก็ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง หรือชื่ออาการจริงๆซะที
แล้วบังเอิญเมื่อปีที่แล้ว ตอนเราอายุ 18 ก็ช่วยแฟนทำงานเรื่อง sleep disorder ก็ไปค้นเวบต่างประเทศ
ทำให้ เจอข้อมูลของโรค Sleep Paralysis เข้า….ตอนนั้นอยากจะกรี๊ด ลั่นบ้าน
ทำให้ เจอข้อมูลของโรค Sleep Paralysis เข้า….ตอนนั้นอยากจะกรี๊ด ลั่นบ้าน
ในที่สุดก็รู้ซะทีว่าตัวเองเป็นอะไร – -”
แบบดีใจมากๆ หลังจากรอคอยมาเป็นสิบๆปี เฮ้อ
อาการโรคนี้ตรงกะเรา(เกือบ)ทุกอย่าง ลองไป Search ดูนะคะ Sleep Paralysis
หน้าของประเทศไทยเราว่ามันไม่ค่อยมีนะ แล้วก็ไม่ละเอียดด้วย ดูของต่างประเทศดีกว่าค่ะ
หน้าของประเทศไทยเราว่ามันไม่ค่อยมีนะ แล้วก็ไม่ละเอียดด้วย ดูของต่างประเทศดีกว่าค่ะ
อันนี้เราลองแปลบางส่วน มาจากเวบนี้นะคะ http://nc.essortment.com/paralysissleep_rauu.htm
Sleep Paralysis คืออาการที่จิตเราตื่นขึ้นมา และพบว่าร่างกายไม่สามารถขยับได้
หรือเรียกว่าอยู่ในระยะ Paralyzed State ระยะอัมพาต (แปลน่ากลัวไปมั้ย -*-)
หรือเรียกว่าอยู่ในระยะ Paralyzed State ระยะอัมพาต (แปลน่ากลัวไปมั้ย -*-)
อาการนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่น่ากลัวมากทีเดียว และคนส่วนใหญ่ก็จะตระหนกเมื่อประสบเหตุการณ์เช่นนี้
แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อร่างกาย อาการนี้ส่วนใหญ่จะอยู่แค่ สองสามนาที และในกรณีส่วนใหญ่
อาการนี้ก็จะหายไปโดยเสียงหรือการสัมผัสร่างกาย
อาการนี้ก็จะหายไปโดยเสียงหรือการสัมผัสร่างกาย
Sleep Paralysis แบ่งเป็น2ประเภทคือ
1. The common sleep Paralysis
2. The Hallucinatory Sleep paralysis ข้อแตกต่างระหว่างสองประเภทนี้ก็คือ Hypnogogic State (ระยะที่อยู่ระหว่างตื่นและหลับ)
1.The common sleep Paralysis (ส่วนใหญ่เกิดในช่วง REM state)
เกิดเมื่อร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายขยับไม่ได้ เพื่อไม่ให้ร่างกายขยับตามความฝัน เพื่อลดโอกาสที่จะทำให้ร่างกายได้รับอันตรายระหว่างหลับ ฮอร์โมนนี้จะหมดไปก่อนที่ฝันจะจบ และบุคคลนั้นก็จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับ อวัยวะทุกอย่างที่ใช้งานได้อย่างปกติ
เกิดเมื่อร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายขยับไม่ได้ เพื่อไม่ให้ร่างกายขยับตามความฝัน เพื่อลดโอกาสที่จะทำให้ร่างกายได้รับอันตรายระหว่างหลับ ฮอร์โมนนี้จะหมดไปก่อนที่ฝันจะจบ และบุคคลนั้นก็จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับ อวัยวะทุกอย่างที่ใช้งานได้อย่างปกติ
สำหรับคนที่เป็น Sleep Paralysis ก็เพราะ ฮอร์โมนที่ว่านั้นยังคงยับยั้งการทำงานของร่างกายอยู่ และเมื่อคนนั้นตื่นมาก็จะพบว่าร่างกายขยับไม่ได้ชั่วคราว และไม่รู้สาเหตุว่าทำไม
The common sleep Paralysis จะอยู่ไม่เกิน 1 นาที หรืออาจนานกว่านั้นนิดหน่อย
2 The Hallucinatory Sleep paralysis คือ
ไม่สามารถขยับได้ระหว่างหลับ และมีอาการเห็นภาพหลอนเกิดขึ้น ช่วงนี้คนผู้นั้นจะรู้สึกเหมือนว่ามีบางคน
อยู่ในห้องกะเขา (ส่วนใหญ่ก็จะเป็น ปีศาจ หรืออะไรที่น่ากลัวๆปรากฏให้เห็น หรือยิ่งไปกว่านั้นก็รู้สึกเหมือนมีอะไรนั่งอยู่บนตัว และรู้สึกเหมือนว่าตนหายใจไม่ออก หรือจะตาย) ประสบการณ์นี้ทำให้ผู้ประสบกังวล และกลัว แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด
ไม่สามารถขยับได้ระหว่างหลับ และมีอาการเห็นภาพหลอนเกิดขึ้น ช่วงนี้คนผู้นั้นจะรู้สึกเหมือนว่ามีบางคน
อยู่ในห้องกะเขา (ส่วนใหญ่ก็จะเป็น ปีศาจ หรืออะไรที่น่ากลัวๆปรากฏให้เห็น หรือยิ่งไปกว่านั้นก็รู้สึกเหมือนมีอะไรนั่งอยู่บนตัว และรู้สึกเหมือนว่าตนหายใจไม่ออก หรือจะตาย) ประสบการณ์นี้ทำให้ผู้ประสบกังวล และกลัว แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด
The Hallucinatory Sleep paralysis ต่างจาก The common sleep Paralysis
เพราะ The Hallucinatory Sleep paralysis อยู่ได้นานถึง 8 นาที
และก่อให้เกิดอาการประสาทหลอน
เพราะ The Hallucinatory Sleep paralysis อยู่ได้นานถึง 8 นาที
และก่อให้เกิดอาการประสาทหลอน
วิธีหลีกเลี่ยง มีดังนี้
- นอนเยอะๆ
- หลีกเลี่ยงการนอนหงาย
- พยายามนอนให้เป็นเวลาไม่ใช่วันนี้นอน 2 ทุ่ม อีกวันนอนตีสอง -*-
- อย่าเครียด
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- กินอาการที่มีประโยชน์
- นอนเยอะๆ
- หลีกเลี่ยงการนอนหงาย
- พยายามนอนให้เป็นเวลาไม่ใช่วันนี้นอน 2 ทุ่ม อีกวันนอนตีสอง -*-
- อย่าเครียด
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- กินอาการที่มีประโยชน์
PART II อาการ
เราจะเพิ่มเรื่อง Hypnagogic sensations ความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น นะคะ
เพราะว่ามันเกี่ยวข้องกะ Sleep Paralysis อะค่ะ
เราจะเพิ่มเรื่อง Hypnagogic sensations ความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น นะคะ
เพราะว่ามันเกี่ยวข้องกะ Sleep Paralysis อะค่ะ
Hypnagogic sensations เป็นประสบการณ์ที่เหมือนฝัน เกิดเมื่อเรากำลงัจะหลับ หรือ
กำลังตื่น และถ้าเกิดพร้อมกะ Sleep paralysis ด้วยแล้ว จะยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก T_T
กำลังตื่น และถ้าเกิดพร้อมกะ Sleep paralysis ด้วยแล้ว จะยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก T_T
รูปแบบของความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่นนี้ แต่ละคนก็มีอาการต่างกันไป เราจะบอกเฉพาะอาการนะคะ สาเหตุขี้เกียจแปลอะ ศัพท์ยาก T_T
อาการที่พบบ่อยมากสุด
- Vividness
- Falling Sensation
- กลัว
- Vividness
- Falling Sensation
- กลัว
อาการปกติ
- รู้สึกว่ามีบางอย่างปรากฏขึ้น (ส่วนใหญ่จะมุ่งร้าย)
- มีแรงกดทับบนร่างกาย (ส่วนใหญ่บนหน้าอก หรือหลัง)
- มีความรู้สึกว่า ไม่สามารถหายใจได้
- รู้สึกว่าใกล้ตาย
- รู้สึกว่ามีบางอย่างปรากฏขึ้น (ส่วนใหญ่จะมุ่งร้าย)
- มีแรงกดทับบนร่างกาย (ส่วนใหญ่บนหน้าอก หรือหลัง)
- มีความรู้สึกว่า ไม่สามารถหายใจได้
- รู้สึกว่าใกล้ตาย
อาการที่พบเห็นปานกลาง
- ความรู้สึกด้านการฟัง (เสียงเท้าเดิน หรือเสียงที่ไม่ชัดเจน หรือเสียงเป็นจังหวะ)
- ความรู้สึกด้านการเห็น อย่างเช่น แสง ผู้คน หรือเงาเคลื่อนที่ไปรอบห้อง
- ความรู้สึกด้านการฟัง (เสียงเท้าเดิน หรือเสียงที่ไม่ชัดเจน หรือเสียงเป็นจังหวะ)
- ความรู้สึกด้านการเห็น อย่างเช่น แสง ผู้คน หรือเงาเคลื่อนที่ไปรอบห้อง
อาการที่พบเห็นน้อย
- ความรู้สึกว่าตัวลอย
- Seamless transition into fully immersive lucid dreaming
- ความรู้สึกทางด้านสัมผัส เช่น มีมือมาแตะ หรือจับ
- ความรู้สึกว่าตัวลอย
- Seamless transition into fully immersive lucid dreaming
- ความรู้สึกทางด้านสัมผัส เช่น มีมือมาแตะ หรือจับ
อาการที่พบเจอยาก
- สั่น
- การเคลื่อนไหวโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น ลื่นหล่นจากเตียง หรือกำแพง
- รู้สึกว่าถูกดึงในทิศทางต่างๆไป
- สั่น
- การเคลื่อนไหวโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น ลื่นหล่นจากเตียง หรือกำแพง
- รู้สึกว่าถูกดึงในทิศทางต่างๆไป
PART III ประสบการณ์ตัวเอง
ไหนๆก็ขอเล่าประสบการณ์ตัวเองนิดนึง ตอนเราเป็นแต่ละครั้งมีอาการไม่เหมือนกัน แต่จะคล้ายๆกันค่ะ
ครั้งแรกที่เป็นตอน 7 ขวบ จำได้ว่า ตอนนั้นนอนหลับบนตักแม่ในรถ
ครั้งนั้นอาการที่เกิดขึ้น ก็เป็นเหมือนอาการทั่วๆไปของเราที่จะเกิดขึ้นอีกเป็นร้อยครั้งค่ะ คือ ลืมตาไม่ได้ หายใจไม่ออก(มันอาจหายใจได้นะ แต่แบบแผ่วเบามาก เหมือนคนจะหมดลมหายใจยังไงยังงั้น) รู้สึกอึดอัด ขยับตัวไม่ได้เลย รู้สึกว่าถ้าไม่ตื่นต้องตายเพราะหายใจไม่ออกแน่ๆ วิธีแก้คือ สวดมนต์นะโม3จบ ถ้ายังไม่ได้ก็ดิ้นเลย ซึ่งต้องรวบรวมพละกำลังมาก จะมาค่อยๆขยับไม่ได้ ต้องสะบัดทีเดียวให้ตื่นเลย (ลำบากอะไรเช่นนี้ -*-)
ครั้งนั้นอาการที่เกิดขึ้น ก็เป็นเหมือนอาการทั่วๆไปของเราที่จะเกิดขึ้นอีกเป็นร้อยครั้งค่ะ คือ ลืมตาไม่ได้ หายใจไม่ออก(มันอาจหายใจได้นะ แต่แบบแผ่วเบามาก เหมือนคนจะหมดลมหายใจยังไงยังงั้น) รู้สึกอึดอัด ขยับตัวไม่ได้เลย รู้สึกว่าถ้าไม่ตื่นต้องตายเพราะหายใจไม่ออกแน่ๆ วิธีแก้คือ สวดมนต์นะโม3จบ ถ้ายังไม่ได้ก็ดิ้นเลย ซึ่งต้องรวบรวมพละกำลังมาก จะมาค่อยๆขยับไม่ได้ ต้องสะบัดทีเดียวให้ตื่นเลย (ลำบากอะไรเช่นนี้ -*-)
มีอยู่ครั้งนึง เป็นตอนไม่สบาย (ส่วนใหญ่ถ้าเป็น แล้วอีกวันจะไม่สบาย บางทีก็เป็นขณะที่ไม่สบาย) คือครั้งนั้นกำลังนอนอยู่ เกิดมีอาการอย่างว่านี่อีก แต่คราวนี้ สามารถลืมตาได้นิดหน่อย ก็เห็นบรรยากาศรอบห้อง เห็นคุณยายเดินอยู่ จะเรียกให้ช่วยก็ออกเสียงไม่ได้ (เราอ้าปากได้เราตะโกนออกไปสุดเสียง แต่ไม่มีเสียงเลย…. )
ตัวก็ขยับไม่ได้ วิธีแก้ก็แบบเดิม
ตัวก็ขยับไม่ได้ วิธีแก้ก็แบบเดิม
ครั้งต่อมา เผอิญเรานอนเอามือวางบนท้อง ทำให้เรารู้อะไรบางอย่าง
คือเมื่อเกิดอาการนี้ ท้องเราจะยุบขึ้นและลงเยอะมาก แบบตอนนั้นก็หายใจแผ่วเบานะ
แต่ท้องมันเหมือนจะทำงานหนัก หายใจเข้าทีก็พองขึ้นมาก หายใจออกทีก็ยุบลงมาก (มากจนเราก็ตกใจ) ครั้งต่อๆมาก็ลองเอามือวางบนท้องอีก แต่ไม่เป็นแบบเดิมแล้ว คราวนี้เป็นแบบยุบขึ้นและลงนิดเดียวแต่ถี่มาก -*- (งงเลย)
คือเมื่อเกิดอาการนี้ ท้องเราจะยุบขึ้นและลงเยอะมาก แบบตอนนั้นก็หายใจแผ่วเบานะ
แต่ท้องมันเหมือนจะทำงานหนัก หายใจเข้าทีก็พองขึ้นมาก หายใจออกทีก็ยุบลงมาก (มากจนเราก็ตกใจ) ครั้งต่อๆมาก็ลองเอามือวางบนท้องอีก แต่ไม่เป็นแบบเดิมแล้ว คราวนี้เป็นแบบยุบขึ้นและลงนิดเดียวแต่ถี่มาก -*- (งงเลย)
มีอยู่ครั้งนึง อาการคล้ายๆเดิม แต่คราวนี้เราขยับได้ แต่ไม่ได้ขยับเหมือนคนปกตินะ คือแค่จะกระดิกนิ้ว ก็ใช้เวลานานมาก…เราลองยกแขนขึ้น ก็ยากมาก เหมือนกับว่า เราต้องเพ่งจิตไปที่ส่วนนั้นอย่างเดียว แล้วรวบรวมกำลังให้ยกได้ เราก็ค่อยๆขยับจากพื้นมาไว้ตรงอก (ซึ่งก็ไม่รู้จะทำไปเพื่อ???? ไม่ได้ช่วยอะไรเลย) อืม .. ก็อุตส่าห์เสียพลังไปมากกะการขยับแขนย้ายแขนนั่น เราก็เหนื่อย ก็พักแป๊บนึง ถึงจะสะบัดหลุดได้ (คือถ้าใช้กำลังไม่พอมันจะสะบัดไม่หลุด)
ครั้งต่อมา ทีนี้เราเริ่มสวดชินบัญชรเป็นแล้ว เราก็เลยเอามาใช้เวลามีอาการ ซึ่งพอถึงเวลาจริงๆเราสวดไปได้ 2-3 บท ก็ตื่นได้ แต่บางทีก็ตื่นไม่ได้ ก็ต้องดิ้นกันต่อไป
พอเป็นมากๆเข้า เราเริ่มเหนื่อยกับการดิ้นแล้ว มันเหนื่อยนะ ยากด้วย บางครั้งก็มานั่งคิดว่า เออ…ถ้าเราดิ้นไม่หลุด ตื่นไม่ได้ เราก็คงตายเพราะหายใจไม่ออกใช่มั้ยเนี่ย ครั้งต่อมาเราเลย เป็นไงเป็นกันไม่ดิ้นแล้ว ….. พอถึงตอนมีอาการจริงๆ มันอึดอัดจนทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องดิ้นอยู่ดี บางทีดิ้นไม่หลุด เราก็กะจะนอนเฉยๆช่างมันแล้ว ตายก็ตาย( ตอนนั้นคิดอย่างนี้จริงๆนะ) แต่อยู่ดีๆก็ตื่นได้เอง เฉยเลย
แต่พอนอนต่อก็เป็นอีก – -”
แต่พอนอนต่อก็เป็นอีก – -”
ช่วงระยะหลังมานี้ วิธีแก้ เราก็ไม่ดิ้นแล้ว เรานอนเฉยๆแทน เพราะมันก็ตื่นได้เหมือนกัน เพราะตอนเป็นมันก็ง่วงอะนะ จะให้มาดิ้นอะไรเราก็ขี้เกียจทำ บางทีเรานอนเฉยๆจนหลับไปเลยก็มี …..หลับไปซักพักก็เป็นใหม่เราก็นอนเฉยๆอีก มันก็ตื่นของมันเอง..เราก็จะนอนต่อ ก็เป็นอีก วนเวียนจนเรารำคาญต้องลุกจากเตียง
ที่เราเป็นมาถือเป็นอาการแบบ Common มากๆ เราโชคดีที่ไม่เห็นอะไรน่ากลัว หรือได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ เพราะแค่ที่เราเป็นอยู่ก็แย่พอทนแล้ว เฮ้อ!!!!
TIPS – ถ้าตื่นขึ้นมา แล้วพอหลับไปก็เป็นอีก ( ตอนที่เราเป็นอะ อุตส่าห์ดิ้นหลุดได้แล้ว พอตื่นมาได้มันก็ง่วงๆไง เราเลยหลับต่อ ทีนี้เลยเป็นอีกเลย (น่ารำคาญมากๆ T_T)
บางทีเป็นติดกัน 5-6 ครั้ง -*- ) มี วิธีแก้คือ (อันนี้รวบรวมจากประสบการณ์ตัวเอง) คือถ้าตื่นมาได้จากอาการนั้น ให้ลุกมาจากเตียงเลยค่ะ ไปเข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำ เดินรอบบ้าน ทำอะไรก็ว่าไป ซัก 15 นาที(เพื่อความชัวร์) แล้วค่อยกลับมานอนต่อ เราทำวิธีนี้แล้วก็ไม่เป็นอีกแบบต่อเนื่อง ค่ะ
TIPS – ถ้าตื่นขึ้นมา แล้วพอหลับไปก็เป็นอีก ( ตอนที่เราเป็นอะ อุตส่าห์ดิ้นหลุดได้แล้ว พอตื่นมาได้มันก็ง่วงๆไง เราเลยหลับต่อ ทีนี้เลยเป็นอีกเลย (น่ารำคาญมากๆ T_T)
บางทีเป็นติดกัน 5-6 ครั้ง -*- ) มี วิธีแก้คือ (อันนี้รวบรวมจากประสบการณ์ตัวเอง) คือถ้าตื่นมาได้จากอาการนั้น ให้ลุกมาจากเตียงเลยค่ะ ไปเข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำ เดินรอบบ้าน ทำอะไรก็ว่าไป ซัก 15 นาที(เพื่อความชัวร์) แล้วค่อยกลับมานอนต่อ เราทำวิธีนี้แล้วก็ไม่เป็นอีกแบบต่อเนื่อง ค่ะ
เนื้อหา : 123general.9f.com